อีเมล์ : idyllictour@gmail.com, info@idyllictour.com
ติดต่อเรา : 02-000-7686 สายด่วน : 081-249-6134 , 081-733-0672
ย่างกุ้ง พระพุทธไสยาสน์เจ้าทัตยี เจดีย์โปตาทาวน์ เทพทันใจ เทพกระซิบ ตลาดสก็อต พระมหาเจดีย์ชเวดากอง หงสาวดี ตักบาตรพระ 1,000 รูป ณ วัดไจ๊คะวาย เจดีย์ไจ๊ปุ่น พระราชวังบุเรงนอง พระธาตุอินทร์แขวน พระธาตุอินแขวน พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว สักการะพระมุเตาเจดีย์ชเวมอดอร์ พระเขี้ยวแก้ว วัดบารมี (รับพระธาตุเพิ่มความสิริมงคลก่อนกลับกรุงเทพ ณ วัดบารมี) *พักโรงแรมระดับ 3 ดาว
ราคาเริ่มต้นท่านละ 26,500 บาท
ช่วงการเดินทาง : เลือกเดินทางอิสระ
รายละเอียดโปรแกรมทัวร์ : (กรุ๊ปส่วนตัว 10 ท่านขึ้นไป)
ทัวร์พม่า สักการะ 5 มหาบูชาสถาน ย่างกุ้ง หงสาวดี อินทร์แขวน พุกาม มัณฑะเลย์ (5 วัน 4 คืน)
วันแรก กรุงเทพฯ – ย่างกุ้ง – หงสาวดี – เจดีย์ไจ๊ปุ่น – พระธาตุมุเตา – พระธาตุเอินทร์แขวน
07:15 - 08:00 น. เดินทางถึง สนามบินมิงกาลาดง กรุงย่างกุ้ง โดยสายการบินแอร์เอเชีย ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นที่เมียนม่าร์ ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง) จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ง เมืองหงสาวดี หรือ เมืองพะโค (Bago) ซึ่งในอดีตเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก้ที่สุดของเมืองมอญโบราณที่ยิ่งใหญ่ และอายุมากกว่า 400 ปี อยู่ ห่างจากเมืองย่างกุ้ง (ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชม. จากนั้น นำท่านเข้าชม เจดีย์ไจ๊ปุ่น (Kyaik Pun Buddha) สร้างในปี 1476 มีพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ สูง 28 เมตร ประกอบด้วย องค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า (ผินพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ) กับพระพุทธเจ้าในอดีต สามพระองค์คือพระพุทธเจ้ามหากิสสปะ (ทิศตะวันตก) เล่ากันว่าสร้างขึ้นโดยสตรีสี่พี่น้องที่มีพุทธศรัทธาสูงส่งและต่างให้สัตย์สาบานว่าจะรักษาพรหมจรรย์ไว้ชั่วชีวิต ต่อมา 1 ใน 4 สาว หนีไปแต่งงาน ร่ำลือกันว่าทำให้พระพุทธรูปองค์นั้นเกิดรอยร้าวขึ้นทันที จากนั้น นำชมพระธาตุที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหงสาวดี เป้นเจดีย์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง และเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า เจดีย์ชเวมอดอร์ หรือ พระธาตุมุเตา (Shwe Mordore) ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า นำท่านนมัสการ ยอดเจดีย์หักซึ่งชาวมอญและชาวพม่าเชื่อกันว่าเป็นจุดที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ซึ่งเจดีย์นี้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชของไทยเคยมาสักการะ เจดีย์องค์นี้เป็นศิลปะที่ผสมผสานระหว่างศิลปะพม่าและศิลปะของมอญได้อย่างกลมกลืน พระเจดีย์สูง 377 ฟุต สูงกว่า พระเจดีย์ชเวดากอง 51 ฟุต มีจุดอธิษฐานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงบริเวณยอดฉัตรที่ตกลงมาเป็นปี พ.ศ. 2473 ด้วยน้ำหนักที่มหาศาล ตกลงมายังพื้นล่างแต่ยอดฉัตร กลับยังคงสภาพเดิมและไม่แตกกระจายออกไป เป็นที่ร่ำลือถึงความศักดิ์สิทธิ์โดยแท้ และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่พระเจ้าหงสาลิ้นดำใช้เป็นที่เจาะพระกรรณ (หู) ตามพระราชประเพณีโบราณ เพื่อทดสอบความกล้าหาญก่อนขึ้นครองราชน์ ท่านจะได้นมัสการ ณ จุดอธิษฐานอันศักดิ์สิทธิ์ และสามารถนำธูปไปค้ำกันยอดของเจดีย์องค์ที่หักลงมา เพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งเปรียบเหมือนดั่งค้ำจุนชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน
บ่าย นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองไจ้โท แห่งรัฐมอญระหว่างทางท่านจะได้พบกับสะพานเหล็กที่ข้ามผ่านชม แม่น้ำสะโตง สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งในอดีตขณะที่ 2 สมเด็จพระนเรศวรกำลังรวบรวมคนไทยกลับอโยธยาได้ถูกทหารพม่าไล่ตามซึ่งนำทับโดยสุรกรรมาเป็นกองหน้า พระมหาอุปราชาเป็นกองหลวง ยกติดตามกองทัพไทยมา กองหน้าของพม่าตามมาทันที่ริมฝั่งแม่น้ำสะโตง ในขณะที่ฝ่ายไทยได้ข้ามแม่น้ำไปแล้ว พระองค์ได้คอยป้องกันมิให้ข้าศึกข้ามตามมาได้ ได้มีการปะทะกันที่ริมฝั่งแม่น้ำสะโตง สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้พระแสงปืนคาบชุดยาวเก้าคืบยิงถูกสุรกรรมา แม่ทัพหน้าพม่าเสียชีวิตบนคอช้าง กองทัพของพม่าเห็นขวัญเสีย จึงถอยทัพกลับกรุงหงสาวดี พระแสงปืนที่ใช้ยิงสุรกรรมาตายบนคอช้างนี้ได้นามปรากฎต่อมาว่า “พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง “นับเป็นพระแสง อัษฎาวุธ อันเป็นเครื่องราชูปโภค ยังปรากฎอยู่จนถึงทุกวันนี้ จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ พระธาตุอินทร์แขวน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ก็จะถึง คิ้มปูนแค้มป์ เพื่อทำการเปลี่ยนเป็นรถท้องถิ่น เป็นรถบรรทุกหกล้อ (เป็นรถประจำเส้นทางชนิดเดียวที่เราสามารถขึ้นพระธาตุอินทร์แขวนได้) ใช้เวลาเดินทางสักพัก เพื่อเดินทางสู่ยอดเขา นำท่านสู่ที่พัก และพักผ่อนตามอัธยาศัยหลังจากพักผ่อนแล้ว นำท่านชม เจดีย์ไจ้ทีโย หรือ พระธาตุอินทร์แขวน Kyaikhtiyo Pagoda (Golden Rock) แปลว่า ก้อนหินทอง อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร ลักษณะเป็นเจดีย์องค์เล็ก ๆ สูงเพียง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนก้อนหินกลม ๆ ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาอย่างหมิ่นเหม่ แต่ชาวพม่ามักยืนกรานว่าไม่มีทางตก เพราะพระเกศาธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ภายในพระเจดีย์องค์ย่อม ทำให้หินก้อนนี้ทรงตัวอยู่ได้อย่างสมดุลเรื่อยไป ตามคติการบูชาพระธานุประจำปีเกิดของชาวล้านนาพระธาตุอินทร์แขวนนี้ให้ถือเป้น พระธาตุปีเกิดของปีจอ แทนพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ โดยเชื่อว่าถ้าผู้ใดได้มานมัสการพระธาตุอินทร์แขวนนี้ครบ 3 ครั้ง ผู้นั้นจะมีแต่ความสุขความเจริญ พร้อมทั้งขอสิ่งใดก็จะได้สมดังปรารถนาทุกประการ ท่านสามารถเตรียมแผ่นทองคำไปเพื่อปิดทององค์พระธาตุอินทร์แขวน (เข้าไปปิดทองได้เฉพาะสุภาพบุรุษ ส่วนสุภาพสตรีสามารถอธิฐาน และฝากสุภาพบุรุษเข้าไปปิดแทนได้)
ค่ำ บริการอาหารค่ำ พักที่ KYAITHOO, MOUTAIN TOP, GOLDEN ROCK HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 3 ดาว
วันที่สอง หงสาวดี – ตักบาตรพระ 1,000 รูป ณ วัดไจ๊คะวาย – พระราชวังบุเรงนอง – พระนอน ชเวตาเลียว– พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี – เจดีย์โปตาทาวน์ – เทพทันใจ เทพกระซิบ – เจดีย์ชเวดากอง
06:30 น. บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
07:30 น. นำท่านอำลาที่พัก ออกเดินทางกลับ เปลื่ยนนั่งรอหกล้อ ถึงคิมปุนแค้มป์ เปลี่ยนเป็นรถโค้ชปรับอากาศ พร้อมนำท่านเดินทางสู่ กรุงหงสาวดี นำท่าน ตักบาตรพระสงฆ์กว่า 1,000 รูปที่วัดไจ้คะวาย สถานที่ที่มีพระภิกษุและสามเณรไปศึกษาพระไตรปิฎกเป็นจำนวนมากท่านสามารถนำสมุดปากกาดินสอไปบริจาคที่วัดแห่งนี้ได้ซึ่งท่านที่สนใจจะทำบุญตักบาตรสามารถซื้อของเพื่อทำบุญได้ตามอัธยาศัย จากนั้น นำท่านชม พระราชวังบุเรงนอง และบัลลังก์ผึ้ง (Kanbawza Thardi Palace) ซึ่งเพิ่งเริ่มขุดค้นและบูรณปฏิสังขรณ์เมื่อปีพ.ศ.2533 จากซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลืออยู่ทำให้สันนิษฐานได้ว่าโบราณสถานแห่งนี้เป็นที่ประทับของพระเจ้าบุเรงนองท่านผู้ที่ได้รับคำสรรเสริญว่าเป็นผู้ชนะสิบทิศและเป็นที่ประทับของพระนางสุพรรณกัลยาและสมเด็จพระนเรศวรมหาราชครั้งต้องตกเป็นเชลยศึกเมื่อต้องเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่าแต่ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้ได้เหลือเพียงแต่ร่องรอยทางประวัติศาสตร์และถูกสร้างจำลองพระราชวังและตำหนักต่างๆขึ้นมาใหม่โดยอ้างอิงจากพงศาวดาร จากนั้น นมัสการ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว (Shew Thalyang Buddha) กราบนมัสการพระพุทธรูปนอนที่ที่มีพุทธลักษณะที่สวยงามในแบบของมอญ ในปี พ.ศ.2524 ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่าทั่วประเทศและเป็นพระนานที่งดงามที่สุดของพม่า องค์พระยาว 55 เมตร สูง 16 เมตร ถึงแม้จะไม่ใหญ่เท่าพระพุทธไสยาสน์เจ้าทัตจีที่ย่างกุ้ง แต่ก็งามกว่าโดยพระบาทจะวางเหลื่อมพระบาทซึ่งจะเป็นลักษณะที่ไม่เหมือนกับพระนอนของไทย
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน
บ่าย หลังอาหารนำท่านเดินทางกลับสู่กรุงย่างกุ้ง สักการะ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี (Kyauk Htatgyi Buddha) หรือ พระนอนตาหวาน นมัสการพระพุทธรูปนอนที่มีความยาว 55 ฟุต สูง 16 ฟุต ซึ่งเป็นพระที่มีขนตาที่งดงาม พระบาทมีภาพมงคล 108 ประการ และพระบาทซ้อนกันซึ่งแตกต่างกับศิลปะของไทย จากนั้น นำท่านชม เจดีย์โบตาทาวน์ สร้างโดยทหารพันนายเพื่อบรรจุพระบรมธาตุที่พระสงฆ์อินเดีย 8 รูป ได้นำมาเมื่อ 2,000 ปีก่อน ในปี 2486 เจดีย์แห่งนี้ถูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรเข้ากลางองค์จึงพบโกศทองคำบรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมธาตุอีก 2 องค์ และพบพระพุทธรูปทอง เงิน สำริด 700 องค์ และจารึกดินเผาภาษาบาลี และตัวหนังสือพราหมณ์อินเดียทางใต้ ต้นแบบภาษาพม่า ภายในเจดีย์ที่ประดับด้วยกระเบื้องสีสันงดงาม และมีมุมสำหรับฝึกสมาธิหลายจุดในองค์พระเจดีย์จากนั้น นำท่านขอพร นัตโบโบยี หรือ พระเทพทันใจ เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของชาวพม่าและชาวไทย วิธีการสักการะรูปปั้นเทพทันใจ (นัตโบโบยี) เพื่อขอสิ่งใดแล้วสมตามความปราถนาก็ให้เอาดอกไม้ ผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าวอ่อน กล้วย หรือผลไม้อื่น ๆ มาสักการะ นัตโบโบยี จะชอบมาก จากนั้นก็ให้เอาเงินจะเป็นดอลล่า บาท หรือจ๊าด ก็ได้ (แต่แนะนำให้เอาเงินบาทดีกว่าเพราะเราเป็นคนไทย) แล้วเอาไปใส่มือของนัตโบโบยีสัก 2 ใบ ไหว้ขอพรแล้วดึกกลับมา 1 ใบ เอามาเก็บรักษาไว้ จากนั้นก็เอาหน้าฝากไปแต่กับนิ้วชี้ของนัตโบโบยี แค่นี้ท่านก็จะสมความปราถนาที่ขอไว้ จากนั้น นำท่านข้ามฝั่งไปอีกฟากหนึ่งของถนน เพื่อสักการะ เทพกระซิบ ซึ่งมีนามว่า “อะมาดอว์เมี้ยะ” ตามตำนาน กล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ่นชีวิตไปกลายเป็นนัต ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว ซึ่งการขอพรเทพกระซิบต้องไปกระซิบเบา ๆ ห้ามคนอื่นได้ยิน ชาวพม่านิยมขอพรจากเทพองค์นี้กันมากเช่นกัน การบูชาเทพกระซิบ บูชาด้วยน้ำนม ข้าวตอก ดอกไม้และผลไม้ จากนั้น นำท่านชมและนมัสการ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) พระเจดีย์ทองคำ คู่บ้าน คู่เมือง ประเทศพม่าอายุกว่าสองพันห้าร้อยกว่าปี เจดีย์ทองแห่งเมืองดากอง หรือ ตะเกิง ชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง มหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในพม่า สถานที่แห่งนี้มี ลานอธิฐานจุดที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบ ท่านสามารถนำดอกไม้ธูปเทียน ไปไหว้ เพื่อขอพรจากองค์เจดีย์ชเวดากอง ณ ลานอธิษฐานเพื่อเสริมสร้างบารมีและสิริมงคล นอกจากนี้รอบองค์เจดีย์ยังมีพระประจำวันเกิดประดิษฐานทั้งแปดทิศรวม 8 องค์ หากใครเกิด วันไหนก็ให้ไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดตน จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต พระเจดีย์นี้ได้รับการบูรณะและต่อเติมโดยกษัตริย์หลายรัชการองค์เจดีย์ห่อหุ้มด้วยแผ่นทองคำทั้งหมดน้ำหนักยี่สิบสามตัน ภายในประดิษฐานเส้นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวนแปดเส้นและเครื่องอัฐะบริขารของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนทั้งสามพระองค์ บนยอดประดับด้วยเพชร พลอย และอัญมณีต่าง ๆ จำนวนมาก และยังมีเพชรขนาดใหญ่ประดับอยู่บนยอดบริเวณเจดีย์จะได้ชมความงามของวิหารสี่ทิศ ซึ่งทำเป็นศาลาโถงครอบด้วยหลังคาทรงปราสาท ซ้อนเป็นชั้น ๆ งานศิลปะและสถาปัตยกรรมทุกชิ้นที่รวมกันขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของพุทธเจดีย์ล้วนมีตำนานและภูมิหลังความเป็นมาทั้งสิ้น ชมระฆังใบใหญ่ที่อังกฤษพยายามจะเอาไปแต่เกิดพลัดตกแม่น้ำย่างกุ้งเสียก่อน อังกฤษกู้เท่าไหร่ก็ไม่ขึ้นภายหลังชาวพม่า ช่วยกันกู้ขึ้นมาแขวนไว้ที่เดิมได้ จึงถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีซึ่งชาวพม่าถือว่าเป็นระฆังศักดิ์สิทธิ ให้ตีระฆัง 3 ครั้ง แล้วอธิษฐานขออะไรก็จะได้ดั่งต้องการจากนั้นให้ท่านชมแสงของอัญมณีที่ประดับบนยอดฉัตรโดยจุดชมแต่ละจุดท่านจะได้เห็นแสงสีต่างกันออกไป เช่น สีเหลือง สีน้ำเงิน สีส้ม สีแดง เป็นต้น
ค่ำ บริการอาหารค่ำ พักที่ NEW AYA HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 3 ดาว
วันที่สาม ย่างกุ้ง– พุกาม – ตลาดยองอู – พระเจดีย์ชเวสิกอง – วัดกุบยางกี – วัดติโลมินโล – วัดอนันดา – วัดสัญพัญญู – หมู่บ้านมินกาบา– วิหารธรรมยันจี – วัดมนุหา – เจดีย์ชเวซานดอร์ – โชว์พื้นเมืองเชิดหุ่น
05:00 น. รับประทานอาหารเช้า แบบกล่องจากทางโรงแรม
06:00 น. นำท่านเดินทางสู่ สนามบินมิงกาลาดง อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ
07:00 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินยองจู สู่เมืองประวัติศาสตร์พุกาม โดยสายการบิน Air Mandalay
08:25 น. เดินทางถึงเมือง พุกาม (Bagan) แวะซื้อของที่ ตลาดยองอู (Nyaung Oo Colorful Local Market) จากนั้นนำท่านชม พระเจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Pagoda) ซึ่งเป็นสถูปดั้งเดิมของพม่าโดยแท้ มีลักษณะเป็นสีทองขนาดใหญ่ สร้างขึ้นหลังพระเจ้าอโนรธาขึ้นครองราชย์ เพื่อใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จากพระสรีระหลายส่วน มีลักษณะเป็นสีทองขนาดใหญ่ สร้างขึ้นหลังพระเจ้าอโนรธาขึ้นครองราชย์ เพื่อใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จากพระสรีระหลายส่วน มีลักษณะเป็นสีทองขนาดใหญ่ ใช้เป็นทั้งที่ประชุมสวดมนต์ และศูนย์กลางของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในพุกาม จากนั้น พาท่านเที่ยว วัดกุบยางกี (Gubyaukkyi Temple) สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิทธะ สิ่งที่โดดเด่นคือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดในพุกม ที่ยังคงเหลืออยู่ จากนั้น เข้าชม วัดติโลมินโล (Htilominlo Temple) สร้างขึ้นเมื่อปี 1211 โดยพระบัญชาของพระเจ้านันต่าว-มยา เป็นพระโอรสในพระเจ้านรปติสิทธู ซึ่งเกิดกับนางห้ามผู้หนึ่ง และได้เสี่ยงทางเลือกให้เป็นราชทายาท เป็นวัดสูง 46 เมตร ยาว 43 เมตร เท่ากันทั้ง 4 ด้าน มีพระพุทธรูปประดิษฐ์ฐานอยู่ทั้ง 4 ทิศ ทั้งสองชั้น มีภาพจิตรกรรมฝาฝนังอันเก่าแก่กับลวดลายปูนปั้น อันประณีตสวยงาม สร้างโดยพระติโลมินโล เมื่อปี พ.ศ.1761 ซึ่งได้รับการยกย่องว่ามีความสวยงามมากทั้งภายในและภายนอก จากนั้น ชม วัดอนันดา (Ananda Temple) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของกำแพงเมืองเป็นวัดสีขาวมองเห็นได้ชัดเจน สร้างเสร็จเมื่อปี 1091 ซึ่งวิหารแห่งนี้นับได้ว่าเป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพุกาม มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีมุขเด็จยื่นออกไปทั้ง 4 ด้าน ซึ่งต่อมาเจดีย์แห่งนี้เป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมพม่าในยุคต้นของพุกาม และสิ่งที่น่าทึ่งของวิหารแห่งนี้ก็คือ ที่ช่องหลังคาเจาะเป็นช่องเล็ก ๆ ให้แสงสว่างส่องลงมาต้ององค์พระให้มีแสงสว่างอย่างน่าอัศจรรย์
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน
บ่าย นมัสการ เจดีย์สัพพัญญู (Thatbinnyu Temple) ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเมืองพุกามชม วิหารธรรมยันจี (Dhammayangyi) สร้างโดยพระเจ้านะระตู่ และพระองค์ก็เชื่อว่าเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองพุกาม สร้างขึ้นเพื่อล้างบาป ด้วยทรงปริวิตกว่าผลกรรมจากการกระทำปิตุฆาตจะติดตามพระองค์ไปในชาติภพหน้า ตั้งโดดเด่นยิ่งใหญ่ตระหง่านดังตำนานที่โหดร้ายได้เล่าต่อกันมา จากนั้น นำท่านเที่ยว หมู่บ้านมินกาบา (Myinkaba Village) แวะชมสิ่งของขึ้นชื่อของพุกาม ก็คือ เครื่องเขิน (Lacquer Ware) ซึ่งยอมรับกันว่ามีชื่อเสียงที่สุดในพม่า เช่น ถ้วยน้ำ จานรอง โถใส่ของตั้งแต่ขนาดเล็กถึงใหญ่ หีบใส่ของต่าง ๆ สิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือ โถใส่ของทำจากขนทางม้าสานกับโครงไม้ไผ่ มีขนาดเบาบางและบีบให้ยุบ แล้วกับไปคืนรูปได้ดังเดิม จากนั้น พาท่านชม วัดมนุหา (Manuha Temple) หมู่บ้านมินกาบาสร้างเมื่อปี 1059 โดยพระเจ้ามนูหะกษัตริย์แห่งมอญ เพื่อสั่งสมบุญไว้สำหรับชาติหน้า จึงได้นำอัญมณีบางส่วนไปขายมาสร้างวัดนี้ โครงสร้างวิหารค่อนข้างแคบ มีพระนอนหนึ่งองค์กับพระพุทธรูปอีกสามองค์นั่งเบียดเสียดอยู่ภายใน สะท้อนถึงความคับแค้นพระทัยของกษัตริย์เชลยพระองค์นี้เป็นอย่างดี จากนั้น นำท่านเดินทางชมและเก็บภาพพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ณ เจดีย์ชเวซานดอว์ (Shwesandaw Pagoda) ท่านสามารถมองเห็นทุ่งทะเจดีย์ในมุม 360 องศา ได้จากเจดีย์แห่งนี้
ค่ำ บริการอาหารเย็น ท่านจะได้ชมการเชิดหุ่นที่ดูเหมือนมีชีวิตจริง พร้อมลิ้มรสอาหารพื้นเมือง พักที่ BAGAN THANDE HOTEL (หรือเทียบเท่าระดับ 3 ดาว)
วันที่สี่ พุกาม – มัณฑะเลย์ – วัดมุยพะยา – อมรปุระ – วัดมหากันดายงค์ – สะพานไม้อูเบ็ง – พระราชวังมัณฑะเลย์ – พระราชวังไม้สักชเวนานจอง – วัดกุโสดอ – เขามัณฑะเลย์
06.30 น. บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
08.05 น. ออกเดินทางไป สนามบินพุกามสู่เมืองมัณฑะเลย์โดยสายการบิน Air Mandalay
08.35 น. เดินทางถึง สนามบินมัณฑะเลย์ ประเทศพม่าผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้วนำท่านเดินทางไปนมัสการพระพุทธรูป หลวงพ่อลาภะมุนีวัดมุยพะยา เมือง Pa lake Payar หรือวัดพญางู ซึ่งเป็นวัดที่มีความเชื่อว่ามีพญางูมีส่วนช่วยสร้างวัดนี้ขึ้นมาจะมีงู 3 ตัวขดตัวอยู่ข้าง ๆ พระพุทธรูปโดยในทุก ๆ วันจะเลื้อยลงมาอาบน้ำและทานไข่วันละ 3 ฟองในทุก ๆ วัน และก็จะเลื้อยกลับขึ้นไปเฝ้าพระพุทธรูปเป็นเวลา 24 ชม. ว่ากันว่าเป็นงูที่เลื้อยเข้ามาอยู่ในวัดเองและงูเหล่านี้ไม่เคยทำร้ายใครเลย จากนั้น นำท่านเข้าสู่ตัวเมือง อมรปุระ (Amrapura) เมืองแห่งผู้เป็นอมตะซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมัณฑะเลย์ซึ่งเป็นราชธานีเพียง 76 ปีแห่งหนึ่งของพม่าก่อนที่จะย้ายมายอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ในปีพ.ศ.2400 พาท่านชม วัดมหากันดายงค์ (Maha Gandayon monastery) ซึ่งเป็นวัดใหญ่ที่สุดของพม่าที่เมืองอมรปุระซึ่งในช่วงเพลจะมีภิกษุสงฆ์นับร้อยรูปเดินเรียงแถวด้วยอาการสำรวมเพื่อรับอาหารซึ่งท่านที่สนใจจะทำบุญตักบาตรสามารถซื้อของเพื่อทำบุญได้ตามอัธยาศัย จากนั้น ชม สะพานไม้อูเบ็ง (U-Ben) สะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลกเสาของสะพานใช้ไม้สักถึง1,208 ต้น ซึ่งมีอายุกว่า 200 ปีสะพานอูเบ็งสร้างจากไม้สักที่รื้อถอนจากพระราชวังเก่ากรุงอังวะโดยพระเจ้าปดุงให้ขุนนางชื่ออูเบ็งคุมงานก่อสร้างสะพานแห่งนี้เลยตั้งชื่อตามผู้คุมทอดข้าม ทะเลสาบคองตามัน(Taung-ta-man lake)ไปสู่วัดจอกตอจีซึ่งมีเจดีย์ที่สร้างตามแบบ วัดอนันดาแห่งพุกามภายในมีจิตรกรรมฝาผนังทีเป็นศิลปะชาวกรุงศรีอยุธยาที่ถูกกวาดต้อนตอนเสียกรุงให้มาอยู่ในอาณาบริเวณแถบนี้นั่นเอง
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านชม พระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace) พระราชวังที่ส่วนใหญ่ก่อสร้างด้วยไม้สักที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพาหรือสงครามโลกครั้งที่ 2 วันที่ 20 มีนาคม 2488 เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรโดยกองทัพอังกฤษได้ทิ้งระเบิดจำนวนมากมายถล่มพระราชวังมัณฑะเลย์ของพม่าด้วยเหตุผลว่าพระราชวังนี้เป็นแหล่งซ่องสุมกำลังของกองทัพญี่ปุ่นพระราชวังมัณฑะเลย์ซึ่งเป็นพระราชวังไม้สักก็ถูกไฟไหม้เผาราบเป็นหน้ากลองหลงเหลือก็แต่ป้อมปราการและคูน้ำรอบพระราชวังที่ยังเป็นของดั่งเดิมอยู่ปัจจุปันพระราชวังที่เห็นอยู่เป็นพระราชวังที่รัฐบาลพม่าได้จำลองรูปแบบของพระราชวังของเก่าขึ้นมา จากนั้น นำท่านไป พระราชวังไม้สักชเวนานจอง (Golden Palace Monastry) วังที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลังงดงามตามแบบศิลปะพม่าแท้ๆวิจิตรตระการด้วยลวดลายแกะสลักประณีตอ่อนช้อยทั้งหลังคาบานประตู และหน้าต่างโดยเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับพุทธประวัติและทศชาติของพระพุทธเจ้าสร้างโดยพระเจ้ามินดงในปีพ.ศ. 2400 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ย้ายราชธานีจากอมรปุระมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์เพื่อเป็นตำหนักยามแปรพระราชฐานแต่หลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์พระเจ้าธีบอหรือสีป่อพระโอรส ก็ทรงยกวังนี้ถวายเป็นวัดถือได้ว่าเป็นงานฝีมือที่ประณีตของช่างหลวงชาวมัณฑะเลย์อย่างแท้จริง จากนั้น นำท่านชม วัดกุโสดอ (Kuthodaw Pagoda) วัดกุโสดอเป็นวัดที่พระเจ้ามินดงทรงโปรดฯให้มีการจัดสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 5 ของโลกขึ้นโดยทรงให้จารึกพระไตรปิฎกจำนวน 84,000 พระธรรมขันธ์ลงบนแผ่นหินอ่อน729 แผ่นรวม1,428 หน้าและได้สร้างมณฑปสีขาวครอบแผ่นจารึกหินอ่อนเหล่านี้ไว้ (1 แผ่นต่อ 1 มณฑป) เรียงรายรอบพระเจดีย์มหาโลกมารชินที่จำลองแบบมาจากเจดีย์ชเวสิกองแห่งเมืองพุกามหนังสือกินเนสบุ๊คได้บันทึกไว้ว่า “หนังสือที่ใหญ่ที่สุดในโลก” จากนั้น นำท่านเดินทางสู่เขา ภูเขามัณฑะเลย์ Mandalay Hill ภูเขามัณฑะเลย์อัน(เชื่อว่า) ศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่กลางเมืองมัณฑะเลย์นั้นทุก ๆ เย็นบนยอดเขาแห่งนี้จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเพราะบนนี้ถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกและจุดชมวิวเมืองมัณฑะเลย์ชั้นดีเราจึงไม่ขอพลาดการขึ้นไปกินลมชมวิวบนนั้นด้วยประการทั้งปวงก่อนทางขึ้นเขามีรูปปั้นสิงห์สีขาวตัวใหญ่สไตล์พม่า 2 ตัวตั้งตระหง่านเป็นผู้เฝ้าทางขึ้นชาวพม่าเชื่อว่าเป็นสิงห์ศักดิ์สิทธิ์นิยมมากราบไหว้ขอพรโดยเฉพาะการขอลูกว่ากันว่าสัมฤทธิ์ผลมานักต่อนักสาว ๆ คนไหนที่แต่งงานแล้วยังไม่มีลูกหากมีโอกาสผ่านไปก็ลองไปขอกันได้ส่วนใครที่ยังไม่แต่งงานควรขอให้เจอเนื้อคู่ก่อนเป็นอย่างแรกแล้วจึงค่อยกลับมาขอลูกต่อในเสต็ปต่อไป วัดมัณฑะเลย์จอคตอคยี ซึ่งตั้งอยู่บนเชิงเขามัณฑะเลย์ฮิลล์พระพุทธรูปองค์นี้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของพม่ารองจากพระสร้างใหม่ในเมืองย่างกุ้งจากข้อมูลที่ได้รับพม่าเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติอยู่มากทั้งทองคำน้ำมันแร่ต่างๆรวมถึงอัญมณีจึงไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะหาศิลาอ่อนมาแกะสลักรูปเคารพตามความเชื่อด้านบนนั้นเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในมัณฑะเลย์สามารถมองเห็นแม่น้ำอิรวดีสายเลือดเส้นใหญ่ของพม่าได้ชัดเจนและจากจุดเดียวกันก็ยังเห็นความยิ่งใหญ่อลังการของพระราชวังมัณฑะเลย์ที่เคยรุ่งโรจน์มาแต่อดีตมีบริการลิฟท์ของที่นี่เพื่อเดินทางต่อขึ้นไปยังวิหารที่เป็นที่ตั้งของพระบรมธาตุอันบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูป ”ชเวยัตตอร์” ประทับยืน 2 องค์โดยพุทธลักษณะนั้นคล้ายกับกำลังชี้พระหัตถ์ไปยังพระราชวังกลางกรุงมัณฑะเลย์ซึ่งมีความหมายว่าที่นี่จะเป็นศูนยกลางของราชธานีต่อไปสำหรับภูเขามัณฑะเลย์มีความสูง 236 เมตรหากใครอยากเดินที่นี่มีบันได 7,292 ขั้นให้เดิน
คํ่า บริการอาหารคํ่าณภัตตาคาร พักที่ Shwe Phyu Hotel ณเมืองมัณฑะเลย์ (หรือเทียบเท่าระดับ 3 ดาว)
วันที่ห้า ร่วมพิธีล้างหน้าพระพักตร์พระมหามัยมุณี – กรุงเทพฯ
04.00 น. นำท่านนมัสการ พระมหามัยมุนีอันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด 1 ใน 5 แห่งของพม่า ถือเป็นต้นแบบพระพุทธรูปทองคำ ขนาดใหญ่ทรงเครื่องกษัตริย์ที่ได้รับการขนานนามว่า “พระพุทธรูปทองคำเนื้อนิ่ม” ที่พระเจ้ากรุงยะไข่ทรงหล่อขึ้นที่เมืองธรรมวดีเมื่อปีพ.ศ. 689 สูง 12 ฟุต 7 นิ้วหุ้มด้วยทองคำเปลวหนา 2 นิ้วทรงเครื่องประดับทองปางมารวิชัยหน้าตักกว้าง 9 ฟุตในปีพ.ศ. 2327 พระเจ้าปดุงได้สร้างวัดมหามุนีหรือวัดยะไข่ (วัดอาระกันหรือวัดพยาจี) เพื่อประดิษฐานพระมหามัยมุนีและในปีพ.ศ.2422 สมัยพระเจ้าสีปอก่อนจะเสียเมืองพม่าให้อังกฤษได้เกิดไฟไหม้วัดทองคำจึงทำให้ทองคำเปลวที่ปิดพระละลายเก็บเนื้อทองได้น้ำหนักถึง 700 บาทต่อมาในปีพ.ศ.2426 ชาวพม่าได้เรี่ยไรเงินเพื่อบูรณะวัดขึ้นใหม่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมโดยสายการออกแบบของช่างชาวอิตาลีจึงนับได้ว่าเป็นวัดที่สร้างใหม่ที่สุดแต่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ที่สุดในเมืองพม่าโดยรอบๆระเบียงเจดีย์ยังมีโบราณวัตถุที่นำไปจากกรุงศรีอยุธยาเมื่อครั้งกรุงแตกครั้งที่ 1 พร้อมทั้งเชิญทุกท่านร่วมทำบุญบูรณวัดกุสินาราซึ่งมีอายุหลายร้อยปีประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์สวยงามมากจากนั้นกลับโรงแรม
07.30 น. บริการอาหารเช้าณห้องอาหารโรงแรม
10.30 น. หลังอาหารเช้านำท่านเดินทางไปยัง สนามบินมัณฑะเลย์
12.50 น. - 15.15 น. ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบินแอร์เอเชีย โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจจากการเดินทางท่องเที่ยว
อัตราค่าบริการ (กรุ๊ปส่วนตัว10 ท่านขึ้นไป)
ลักษณะการเข้าพัก | ราคาต่อคน |
ผู้ใหญ่ 2 ท่าน พัก 1 ห้อง | 26,500 |
พักเดี๋ยวเพิ่ม | 7,500 |
อัตรานี้รวม
- ห้องพักในโรงแรม 4 คืน (พัก2 ท่าน/ห้อง)
- รถพร้อมคนขับนำเที่ยว
- ค่าเครื่องบินโดยสารภายในประเทศพม่า (ย่างกุ้ง-พุกาม-มัณฑะเลย์) พร้อมสัมภาระ
- ค่ามัคคุเทศก์พม่านำเที่ยว
- ค่ารถม้าชมเมืองพุกาม ค่ารถขึ้นพระธาตุอินทร์แขวน
- ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆในประเทศพม่า
- อาหาร 12 มื้อ
- ค่าประกันอุบัติเหตุคุ้มครองในวงเงินท่านละ1,000,000บาทตามเงื่อนไขกรมธรรม์
อัตรานี้ไม่รวม
- ค่าธรรมเนียมการจัดทำหนังสือเดินทาง
- ค่า ตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ– พม่า + ค่าภาษีสนามบิน
- ค่าห้องพักเดี่ยวตามอัตรา
- ค่าทำบุญตักบาตร
- ค่าธรรมเนียมการทำวีซ่ากรณีที่ลูกค้าเป็นพาสต่างชาติเช่นพาสปอร์ตเยอรมันพาสปอร์ตลาว พาสปอร์ตบรูไน พาสปอร์ต
เวียดนาม พาสปอร์ตฟิลิปปินส์ พาสปอร์ตอินโดนีเซีย เป็นต้น
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอาทิเช่น ค่าเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษ, ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, ค่าธรรมเนียมหนังสือเดินทาง, ค่ารักษา
พยาบาลกรณีเกิดการเจ็บป่วยจากโรคประจำตัว, ค่ากระเป๋าเดินทางหรือของมี ค่าที่สูญหายในระหว่างการเดินทาง เป็นต้น
- ค่านำเที่ยวในเส้นทางอื่น ๆ นอกเหนือจากโปรแกรม
- ค่าทิปพนักงานขับรถและมัคคุเทศก์ตลอดรายการเดินทาง
- ค่าบริการอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากโปรแกมทัวร์
- ค่าอาหารมื้อพิเศษ
- Vat 7%
ย่างกุ้ง พระพุทธไสยาสน์เจ้าทัตยี เจดีย์โปตาทาวน์ เทพทันใจ เทพกระซิบ ตลาดสก็อต พระมหาเจดีย์ชเวดากอง หงสาวดี ตักบาตรพระ 1,000 รูป ณ วัดไจ๊คะวาย เจดีย์ไจ๊ปุ่น พระราชวังบุเรงนอง พระธาตุอินทร์แขวน พระธาตุอินแขวน พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว สักการะพระมุเตาเจดีย์ชเวมอดอร์ พระเขี้ยวแก้ว วัดบารมี (รับพระธาตุเพิ่มความสิริมงคลก่อนกลับกรุงเทพ ณ วัดบารมี) *พักโรงแรมระดับ 3 ดาว
ราคาเริ่มต้นท่านละ 26,500 บาท
ช่วงการเดินทาง : เลือกเดินทางอิสระ
รายละเอียดโปรแกรมทัวร์ : (กรุ๊ปส่วนตัว 10 ท่านขึ้นไป)
ทัวร์พม่า สักการะ 5 มหาบูชาสถาน ย่างกุ้ง หงสาวดี อินทร์แขวน พุกาม มัณฑะเลย์ (5 วัน 4 คืน)
วันแรก กรุงเทพฯ – ย่างกุ้ง – หงสาวดี – เจดีย์ไจ๊ปุ่น – พระธาตุมุเตา – พระธาตุเอินทร์แขวน
07:15 - 08:00 น. เดินทางถึง สนามบินมิงกาลาดง กรุงย่างกุ้ง โดยสายการบินแอร์เอเชีย ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นที่เมียนม่าร์ ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง) จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ง เมืองหงสาวดี หรือ เมืองพะโค (Bago) ซึ่งในอดีตเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก้ที่สุดของเมืองมอญโบราณที่ยิ่งใหญ่ และอายุมากกว่า 400 ปี อยู่ ห่างจากเมืองย่างกุ้ง (ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชม. จากนั้น นำท่านเข้าชม เจดีย์ไจ๊ปุ่น (Kyaik Pun Buddha) สร้างในปี 1476 มีพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ สูง 28 เมตร ประกอบด้วย องค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า (ผินพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ) กับพระพุทธเจ้าในอดีต สามพระองค์คือพระพุทธเจ้ามหากิสสปะ (ทิศตะวันตก) เล่ากันว่าสร้างขึ้นโดยสตรีสี่พี่น้องที่มีพุทธศรัทธาสูงส่งและต่างให้สัตย์สาบานว่าจะรักษาพรหมจรรย์ไว้ชั่วชีวิต ต่อมา 1 ใน 4 สาว หนีไปแต่งงาน ร่ำลือกันว่าทำให้พระพุทธรูปองค์นั้นเกิดรอยร้าวขึ้นทันที จากนั้น นำชมพระธาตุที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหงสาวดี เป้นเจดีย์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง และเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า เจดีย์ชเวมอดอร์ หรือ พระธาตุมุเตา (Shwe Mordore) ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า นำท่านนมัสการ ยอดเจดีย์หักซึ่งชาวมอญและชาวพม่าเชื่อกันว่าเป็นจุดที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ซึ่งเจดีย์นี้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชของไทยเคยมาสักการะ เจดีย์องค์นี้เป็นศิลปะที่ผสมผสานระหว่างศิลปะพม่าและศิลปะของมอญได้อย่างกลมกลืน พระเจดีย์สูง 377 ฟุต สูงกว่า พระเจดีย์ชเวดากอง 51 ฟุต มีจุดอธิษฐานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงบริเวณยอดฉัตรที่ตกลงมาเป็นปี พ.ศ. 2473 ด้วยน้ำหนักที่มหาศาล ตกลงมายังพื้นล่างแต่ยอดฉัตร กลับยังคงสภาพเดิมและไม่แตกกระจายออกไป เป็นที่ร่ำลือถึงความศักดิ์สิทธิ์โดยแท้ และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่พระเจ้าหงสาลิ้นดำใช้เป็นที่เจาะพระกรรณ (หู) ตามพระราชประเพณีโบราณ เพื่อทดสอบความกล้าหาญก่อนขึ้นครองราชน์ ท่านจะได้นมัสการ ณ จุดอธิษฐานอันศักดิ์สิทธิ์ และสามารถนำธูปไปค้ำกันยอดของเจดีย์องค์ที่หักลงมา เพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งเปรียบเหมือนดั่งค้ำจุนชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน
บ่าย นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองไจ้โท แห่งรัฐมอญระหว่างทางท่านจะได้พบกับสะพานเหล็กที่ข้ามผ่านชม แม่น้ำสะโตง สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งในอดีตขณะที่ 2 สมเด็จพระนเรศวรกำลังรวบรวมคนไทยกลับอโยธยาได้ถูกทหารพม่าไล่ตามซึ่งนำทับโดยสุรกรรมาเป็นกองหน้า พระมหาอุปราชาเป็นกองหลวง ยกติดตามกองทัพไทยมา กองหน้าของพม่าตามมาทันที่ริมฝั่งแม่น้ำสะโตง ในขณะที่ฝ่ายไทยได้ข้ามแม่น้ำไปแล้ว พระองค์ได้คอยป้องกันมิให้ข้าศึกข้ามตามมาได้ ได้มีการปะทะกันที่ริมฝั่งแม่น้ำสะโตง สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้พระแสงปืนคาบชุดยาวเก้าคืบยิงถูกสุรกรรมา แม่ทัพหน้าพม่าเสียชีวิตบนคอช้าง กองทัพของพม่าเห็นขวัญเสีย จึงถอยทัพกลับกรุงหงสาวดี พระแสงปืนที่ใช้ยิงสุรกรรมาตายบนคอช้างนี้ได้นามปรากฎต่อมาว่า “พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง “นับเป็นพระแสง อัษฎาวุธ อันเป็นเครื่องราชูปโภค ยังปรากฎอยู่จนถึงทุกวันนี้ จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ พระธาตุอินทร์แขวน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ก็จะถึง คิ้มปูนแค้มป์ เพื่อทำการเปลี่ยนเป็นรถท้องถิ่น เป็นรถบรรทุกหกล้อ (เป็นรถประจำเส้นทางชนิดเดียวที่เราสามารถขึ้นพระธาตุอินทร์แขวนได้) ใช้เวลาเดินทางสักพัก เพื่อเดินทางสู่ยอดเขา นำท่านสู่ที่พัก และพักผ่อนตามอัธยาศัยหลังจากพักผ่อนแล้ว นำท่านชม เจดีย์ไจ้ทีโย หรือ พระธาตุอินทร์แขวน Kyaikhtiyo Pagoda (Golden Rock) แปลว่า ก้อนหินทอง อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร ลักษณะเป็นเจดีย์องค์เล็ก ๆ สูงเพียง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนก้อนหินกลม ๆ ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาอย่างหมิ่นเหม่ แต่ชาวพม่ามักยืนกรานว่าไม่มีทางตก เพราะพระเกศาธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ภายในพระเจดีย์องค์ย่อม ทำให้หินก้อนนี้ทรงตัวอยู่ได้อย่างสมดุลเรื่อยไป ตามคติการบูชาพระธานุประจำปีเกิดของชาวล้านนาพระธาตุอินทร์แขวนนี้ให้ถือเป้น พระธาตุปีเกิดของปีจอ แทนพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ โดยเชื่อว่าถ้าผู้ใดได้มานมัสการพระธาตุอินทร์แขวนนี้ครบ 3 ครั้ง ผู้นั้นจะมีแต่ความสุขความเจริญ พร้อมทั้งขอสิ่งใดก็จะได้สมดังปรารถนาทุกประการ ท่านสามารถเตรียมแผ่นทองคำไปเพื่อปิดทององค์พระธาตุอินทร์แขวน (เข้าไปปิดทองได้เฉพาะสุภาพบุรุษ ส่วนสุภาพสตรีสามารถอธิฐาน และฝากสุภาพบุรุษเข้าไปปิดแทนได้)
ค่ำ บริการอาหารค่ำ พักที่ KYAITHOO, MOUTAIN TOP, GOLDEN ROCK HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 3 ดาว
วันที่สอง หงสาวดี – ตักบาตรพระ 1,000 รูป ณ วัดไจ๊คะวาย – พระราชวังบุเรงนอง – พระนอน ชเวตาเลียว– พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี – เจดีย์โปตาทาวน์ – เทพทันใจ เทพกระซิบ – เจดีย์ชเวดากอง
06:30 น. บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
07:30 น. นำท่านอำลาที่พัก ออกเดินทางกลับ เปลื่ยนนั่งรอหกล้อ ถึงคิมปุนแค้มป์ เปลี่ยนเป็นรถโค้ชปรับอากาศ พร้อมนำท่านเดินทางสู่ กรุงหงสาวดี นำท่าน ตักบาตรพระสงฆ์กว่า 1,000 รูปที่วัดไจ้คะวาย สถานที่ที่มีพระภิกษุและสามเณรไปศึกษาพระไตรปิฎกเป็นจำนวนมากท่านสามารถนำสมุดปากกาดินสอไปบริจาคที่วัดแห่งนี้ได้ซึ่งท่านที่สนใจจะทำบุญตักบาตรสามารถซื้อของเพื่อทำบุญได้ตามอัธยาศัย จากนั้น นำท่านชม พระราชวังบุเรงนอง และบัลลังก์ผึ้ง (Kanbawza Thardi Palace) ซึ่งเพิ่งเริ่มขุดค้นและบูรณปฏิสังขรณ์เมื่อปีพ.ศ.2533 จากซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลืออยู่ทำให้สันนิษฐานได้ว่าโบราณสถานแห่งนี้เป็นที่ประทับของพระเจ้าบุเรงนองท่านผู้ที่ได้รับคำสรรเสริญว่าเป็นผู้ชนะสิบทิศและเป็นที่ประทับของพระนางสุพรรณกัลยาและสมเด็จพระนเรศวรมหาราชครั้งต้องตกเป็นเชลยศึกเมื่อต้องเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่าแต่ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้ได้เหลือเพียงแต่ร่องรอยทางประวัติศาสตร์และถูกสร้างจำลองพระราชวังและตำหนักต่างๆขึ้นมาใหม่โดยอ้างอิงจากพงศาวดาร จากนั้น นมัสการ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว (Shew Thalyang Buddha) กราบนมัสการพระพุทธรูปนอนที่ที่มีพุทธลักษณะที่สวยงามในแบบของมอญ ในปี พ.ศ.2524 ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่าทั่วประเทศและเป็นพระนานที่งดงามที่สุดของพม่า องค์พระยาว 55 เมตร สูง 16 เมตร ถึงแม้จะไม่ใหญ่เท่าพระพุทธไสยาสน์เจ้าทัตจีที่ย่างกุ้ง แต่ก็งามกว่าโดยพระบาทจะวางเหลื่อมพระบาทซึ่งจะเป็นลักษณะที่ไม่เหมือนกับพระนอนของไทย
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน
บ่าย หลังอาหารนำท่านเดินทางกลับสู่กรุงย่างกุ้ง สักการะ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี (Kyauk Htatgyi Buddha) หรือ พระนอนตาหวาน นมัสการพระพุทธรูปนอนที่มีความยาว 55 ฟุต สูง 16 ฟุต ซึ่งเป็นพระที่มีขนตาที่งดงาม พระบาทมีภาพมงคล 108 ประการ และพระบาทซ้อนกันซึ่งแตกต่างกับศิลปะของไทย จากนั้น นำท่านชม เจดีย์โบตาทาวน์ สร้างโดยทหารพันนายเพื่อบรรจุพระบรมธาตุที่พระสงฆ์อินเดีย 8 รูป ได้นำมาเมื่อ 2,000 ปีก่อน ในปี 2486 เจดีย์แห่งนี้ถูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรเข้ากลางองค์จึงพบโกศทองคำบรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมธาตุอีก 2 องค์ และพบพระพุทธรูปทอง เงิน สำริด 700 องค์ และจารึกดินเผาภาษาบาลี และตัวหนังสือพราหมณ์อินเดียทางใต้ ต้นแบบภาษาพม่า ภายในเจดีย์ที่ประดับด้วยกระเบื้องสีสันงดงาม และมีมุมสำหรับฝึกสมาธิหลายจุดในองค์พระเจดีย์จากนั้น นำท่านขอพร นัตโบโบยี หรือ พระเทพทันใจ เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของชาวพม่าและชาวไทย วิธีการสักการะรูปปั้นเทพทันใจ (นัตโบโบยี) เพื่อขอสิ่งใดแล้วสมตามความปราถนาก็ให้เอาดอกไม้ ผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าวอ่อน กล้วย หรือผลไม้อื่น ๆ มาสักการะ นัตโบโบยี จะชอบมาก จากนั้นก็ให้เอาเงินจะเป็นดอลล่า บาท หรือจ๊าด ก็ได้ (แต่แนะนำให้เอาเงินบาทดีกว่าเพราะเราเป็นคนไทย) แล้วเอาไปใส่มือของนัตโบโบยีสัก 2 ใบ ไหว้ขอพรแล้วดึกกลับมา 1 ใบ เอามาเก็บรักษาไว้ จากนั้นก็เอาหน้าฝากไปแต่กับนิ้วชี้ของนัตโบโบยี แค่นี้ท่านก็จะสมความปราถนาที่ขอไว้ จากนั้น นำท่านข้ามฝั่งไปอีกฟากหนึ่งของถนน เพื่อสักการะ เทพกระซิบ ซึ่งมีนามว่า “อะมาดอว์เมี้ยะ” ตามตำนาน กล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ่นชีวิตไปกลายเป็นนัต ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว ซึ่งการขอพรเทพกระซิบต้องไปกระซิบเบา ๆ ห้ามคนอื่นได้ยิน ชาวพม่านิยมขอพรจากเทพองค์นี้กันมากเช่นกัน การบูชาเทพกระซิบ บูชาด้วยน้ำนม ข้าวตอก ดอกไม้และผลไม้ จากนั้น นำท่านชมและนมัสการ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) พระเจดีย์ทองคำ คู่บ้าน คู่เมือง ประเทศพม่าอายุกว่าสองพันห้าร้อยกว่าปี เจดีย์ทองแห่งเมืองดากอง หรือ ตะเกิง ชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง มหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในพม่า สถานที่แห่งนี้มี ลานอธิฐานจุดที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบ ท่านสามารถนำดอกไม้ธูปเทียน ไปไหว้ เพื่อขอพรจากองค์เจดีย์ชเวดากอง ณ ลานอธิษฐานเพื่อเสริมสร้างบารมีและสิริมงคล นอกจากนี้รอบองค์เจดีย์ยังมีพระประจำวันเกิดประดิษฐานทั้งแปดทิศรวม 8 องค์ หากใครเกิด วันไหนก็ให้ไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดตน จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต พระเจดีย์นี้ได้รับการบูรณะและต่อเติมโดยกษัตริย์หลายรัชการองค์เจดีย์ห่อหุ้มด้วยแผ่นทองคำทั้งหมดน้ำหนักยี่สิบสามตัน ภายในประดิษฐานเส้นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวนแปดเส้นและเครื่องอัฐะบริขารของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนทั้งสามพระองค์ บนยอดประดับด้วยเพชร พลอย และอัญมณีต่าง ๆ จำนวนมาก และยังมีเพชรขนาดใหญ่ประดับอยู่บนยอดบริเวณเจดีย์จะได้ชมความงามของวิหารสี่ทิศ ซึ่งทำเป็นศาลาโถงครอบด้วยหลังคาทรงปราสาท ซ้อนเป็นชั้น ๆ งานศิลปะและสถาปัตยกรรมทุกชิ้นที่รวมกันขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของพุทธเจดีย์ล้วนมีตำนานและภูมิหลังความเป็นมาทั้งสิ้น ชมระฆังใบใหญ่ที่อังกฤษพยายามจะเอาไปแต่เกิดพลัดตกแม่น้ำย่างกุ้งเสียก่อน อังกฤษกู้เท่าไหร่ก็ไม่ขึ้นภายหลังชาวพม่า ช่วยกันกู้ขึ้นมาแขวนไว้ที่เดิมได้ จึงถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีซึ่งชาวพม่าถือว่าเป็นระฆังศักดิ์สิทธิ ให้ตีระฆัง 3 ครั้ง แล้วอธิษฐานขออะไรก็จะได้ดั่งต้องการจากนั้นให้ท่านชมแสงของอัญมณีที่ประดับบนยอดฉัตรโดยจุดชมแต่ละจุดท่านจะได้เห็นแสงสีต่างกันออกไป เช่น สีเหลือง สีน้ำเงิน สีส้ม สีแดง เป็นต้น
ค่ำ บริการอาหารค่ำ พักที่ NEW AYA HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 3 ดาว
วันที่สาม ย่างกุ้ง– พุกาม – ตลาดยองอู – พระเจดีย์ชเวสิกอง – วัดกุบยางกี – วัดติโลมินโล – วัดอนันดา – วัดสัญพัญญู – หมู่บ้านมินกาบา– วิหารธรรมยันจี – วัดมนุหา – เจดีย์ชเวซานดอร์ – โชว์พื้นเมืองเชิดหุ่น
05:00 น. รับประทานอาหารเช้า แบบกล่องจากทางโรงแรม
06:00 น. นำท่านเดินทางสู่ สนามบินมิงกาลาดง อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ
07:00 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินยองจู สู่เมืองประวัติศาสตร์พุกาม โดยสายการบิน Air Mandalay
08:25 น. เดินทางถึงเมือง พุกาม (Bagan) แวะซื้อของที่ ตลาดยองอู (Nyaung Oo Colorful Local Market) จากนั้นนำท่านชม พระเจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Pagoda) ซึ่งเป็นสถูปดั้งเดิมของพม่าโดยแท้ มีลักษณะเป็นสีทองขนาดใหญ่ สร้างขึ้นหลังพระเจ้าอโนรธาขึ้นครองราชย์ เพื่อใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จากพระสรีระหลายส่วน มีลักษณะเป็นสีทองขนาดใหญ่ สร้างขึ้นหลังพระเจ้าอโนรธาขึ้นครองราชย์ เพื่อใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จากพระสรีระหลายส่วน มีลักษณะเป็นสีทองขนาดใหญ่ ใช้เป็นทั้งที่ประชุมสวดมนต์ และศูนย์กลางของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในพุกาม จากนั้น พาท่านเที่ยว วัดกุบยางกี (Gubyaukkyi Temple) สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิทธะ สิ่งที่โดดเด่นคือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดในพุกม ที่ยังคงเหลืออยู่ จากนั้น เข้าชม วัดติโลมินโล (Htilominlo Temple) สร้างขึ้นเมื่อปี 1211 โดยพระบัญชาของพระเจ้านันต่าว-มยา เป็นพระโอรสในพระเจ้านรปติสิทธู ซึ่งเกิดกับนางห้ามผู้หนึ่ง และได้เสี่ยงทางเลือกให้เป็นราชทายาท เป็นวัดสูง 46 เมตร ยาว 43 เมตร เท่ากันทั้ง 4 ด้าน มีพระพุทธรูปประดิษฐ์ฐานอยู่ทั้ง 4 ทิศ ทั้งสองชั้น มีภาพจิตรกรรมฝาฝนังอันเก่าแก่กับลวดลายปูนปั้น อันประณีตสวยงาม สร้างโดยพระติโลมินโล เมื่อปี พ.ศ.1761 ซึ่งได้รับการยกย่องว่ามีความสวยงามมากทั้งภายในและภายนอก จากนั้น ชม วัดอนันดา (Ananda Temple) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของกำแพงเมืองเป็นวัดสีขาวมองเห็นได้ชัดเจน สร้างเสร็จเมื่อปี 1091 ซึ่งวิหารแห่งนี้นับได้ว่าเป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพุกาม มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีมุขเด็จยื่นออกไปทั้ง 4 ด้าน ซึ่งต่อมาเจดีย์แห่งนี้เป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมพม่าในยุคต้นของพุกาม และสิ่งที่น่าทึ่งของวิหารแห่งนี้ก็คือ ที่ช่องหลังคาเจาะเป็นช่องเล็ก ๆ ให้แสงสว่างส่องลงมาต้ององค์พระให้มีแสงสว่างอย่างน่าอัศจรรย์
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน
บ่าย นมัสการ เจดีย์สัพพัญญู (Thatbinnyu Temple) ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเมืองพุกามชม วิหารธรรมยันจี (Dhammayangyi) สร้างโดยพระเจ้านะระตู่ และพระองค์ก็เชื่อว่าเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองพุกาม สร้างขึ้นเพื่อล้างบาป ด้วยทรงปริวิตกว่าผลกรรมจากการกระทำปิตุฆาตจะติดตามพระองค์ไปในชาติภพหน้า ตั้งโดดเด่นยิ่งใหญ่ตระหง่านดังตำนานที่โหดร้ายได้เล่าต่อกันมา จากนั้น นำท่านเที่ยว หมู่บ้านมินกาบา (Myinkaba Village) แวะชมสิ่งของขึ้นชื่อของพุกาม ก็คือ เครื่องเขิน (Lacquer Ware) ซึ่งยอมรับกันว่ามีชื่อเสียงที่สุดในพม่า เช่น ถ้วยน้ำ จานรอง โถใส่ของตั้งแต่ขนาดเล็กถึงใหญ่ หีบใส่ของต่าง ๆ สิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือ โถใส่ของทำจากขนทางม้าสานกับโครงไม้ไผ่ มีขนาดเบาบางและบีบให้ยุบ แล้วกับไปคืนรูปได้ดังเดิม จากนั้น พาท่านชม วัดมนุหา (Manuha Temple) หมู่บ้านมินกาบาสร้างเมื่อปี 1059 โดยพระเจ้ามนูหะกษัตริย์แห่งมอญ เพื่อสั่งสมบุญไว้สำหรับชาติหน้า จึงได้นำอัญมณีบางส่วนไปขายมาสร้างวัดนี้ โครงสร้างวิหารค่อนข้างแคบ มีพระนอนหนึ่งองค์กับพระพุทธรูปอีกสามองค์นั่งเบียดเสียดอยู่ภายใน สะท้อนถึงความคับแค้นพระทัยของกษัตริย์เชลยพระองค์นี้เป็นอย่างดี จากนั้น นำท่านเดินทางชมและเก็บภาพพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ณ เจดีย์ชเวซานดอว์ (Shwesandaw Pagoda) ท่านสามารถมองเห็นทุ่งทะเจดีย์ในมุม 360 องศา ได้จากเจดีย์แห่งนี้
ค่ำ บริการอาหารเย็น ท่านจะได้ชมการเชิดหุ่นที่ดูเหมือนมีชีวิตจริง พร้อมลิ้มรสอาหารพื้นเมือง พักที่ BAGAN THANDE HOTEL (หรือเทียบเท่าระดับ 3 ดาว)
วันที่สี่ พุกาม – มัณฑะเลย์ – วัดมุยพะยา – อมรปุระ – วัดมหากันดายงค์ – สะพานไม้อูเบ็ง – พระราชวังมัณฑะเลย์ – พระราชวังไม้สักชเวนานจอง – วัดกุโสดอ – เขามัณฑะเลย์
06.30 น. บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
08.05 น. ออกเดินทางไป สนามบินพุกามสู่เมืองมัณฑะเลย์โดยสายการบิน Air Mandalay
08.35 น. เดินทางถึง สนามบินมัณฑะเลย์ ประเทศพม่าผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้วนำท่านเดินทางไปนมัสการพระพุทธรูป หลวงพ่อลาภะมุนีวัดมุยพะยา เมือง Pa lake Payar หรือวัดพญางู ซึ่งเป็นวัดที่มีความเชื่อว่ามีพญางูมีส่วนช่วยสร้างวัดนี้ขึ้นมาจะมีงู 3 ตัวขดตัวอยู่ข้าง ๆ พระพุทธรูปโดยในทุก ๆ วันจะเลื้อยลงมาอาบน้ำและทานไข่วันละ 3 ฟองในทุก ๆ วัน และก็จะเลื้อยกลับขึ้นไปเฝ้าพระพุทธรูปเป็นเวลา 24 ชม. ว่ากันว่าเป็นงูที่เลื้อยเข้ามาอยู่ในวัดเองและงูเหล่านี้ไม่เคยทำร้ายใครเลย จากนั้น นำท่านเข้าสู่ตัวเมือง อมรปุระ (Amrapura) เมืองแห่งผู้เป็นอมตะซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมัณฑะเลย์ซึ่งเป็นราชธานีเพียง 76 ปีแห่งหนึ่งของพม่าก่อนที่จะย้ายมายอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ในปีพ.ศ.2400 พาท่านชม วัดมหากันดายงค์ (Maha Gandayon monastery) ซึ่งเป็นวัดใหญ่ที่สุดของพม่าที่เมืองอมรปุระซึ่งในช่วงเพลจะมีภิกษุสงฆ์นับร้อยรูปเดินเรียงแถวด้วยอาการสำรวมเพื่อรับอาหารซึ่งท่านที่สนใจจะทำบุญตักบาตรสามารถซื้อของเพื่อทำบุญได้ตามอัธยาศัย จากนั้น ชม สะพานไม้อูเบ็ง (U-Ben) สะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลกเสาของสะพานใช้ไม้สักถึง1,208 ต้น ซึ่งมีอายุกว่า 200 ปีสะพานอูเบ็งสร้างจากไม้สักที่รื้อถอนจากพระราชวังเก่ากรุงอังวะโดยพระเจ้าปดุงให้ขุนนางชื่ออูเบ็งคุมงานก่อสร้างสะพานแห่งนี้เลยตั้งชื่อตามผู้คุมทอดข้าม ทะเลสาบคองตามัน(Taung-ta-man lake)ไปสู่วัดจอกตอจีซึ่งมีเจดีย์ที่สร้างตามแบบ วัดอนันดาแห่งพุกามภายในมีจิตรกรรมฝาผนังทีเป็นศิลปะชาวกรุงศรีอยุธยาที่ถูกกวาดต้อนตอนเสียกรุงให้มาอยู่ในอาณาบริเวณแถบนี้นั่นเอง
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านชม พระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace) พระราชวังที่ส่วนใหญ่ก่อสร้างด้วยไม้สักที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพาหรือสงครามโลกครั้งที่ 2 วันที่ 20 มีนาคม 2488 เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรโดยกองทัพอังกฤษได้ทิ้งระเบิดจำนวนมากมายถล่มพระราชวังมัณฑะเลย์ของพม่าด้วยเหตุผลว่าพระราชวังนี้เป็นแหล่งซ่องสุมกำลังของกองทัพญี่ปุ่นพระราชวังมัณฑะเลย์ซึ่งเป็นพระราชวังไม้สักก็ถูกไฟไหม้เผาราบเป็นหน้ากลองหลงเหลือก็แต่ป้อมปราการและคูน้ำรอบพระราชวังที่ยังเป็นของดั่งเดิมอยู่ปัจจุปันพระราชวังที่เห็นอยู่เป็นพระราชวังที่รัฐบาลพม่าได้จำลองรูปแบบของพระราชวังของเก่าขึ้นมา จากนั้น นำท่านไป พระราชวังไม้สักชเวนานจอง (Golden Palace Monastry) วังที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลังงดงามตามแบบศิลปะพม่าแท้ๆวิจิตรตระการด้วยลวดลายแกะสลักประณีตอ่อนช้อยทั้งหลังคาบานประตู และหน้าต่างโดยเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับพุทธประวัติและทศชาติของพระพุทธเจ้าสร้างโดยพระเจ้ามินดงในปีพ.ศ. 2400 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ย้ายราชธานีจากอมรปุระมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์เพื่อเป็นตำหนักยามแปรพระราชฐานแต่หลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์พระเจ้าธีบอหรือสีป่อพระโอรส ก็ทรงยกวังนี้ถวายเป็นวัดถือได้ว่าเป็นงานฝีมือที่ประณีตของช่างหลวงชาวมัณฑะเลย์อย่างแท้จริง จากนั้น นำท่านชม วัดกุโสดอ (Kuthodaw Pagoda) วัดกุโสดอเป็นวัดที่พระเจ้ามินดงทรงโปรดฯให้มีการจัดสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 5 ของโลกขึ้นโดยทรงให้จารึกพระไตรปิฎกจำนวน 84,000 พระธรรมขันธ์ลงบนแผ่นหินอ่อน729 แผ่นรวม1,428 หน้าและได้สร้างมณฑปสีขาวครอบแผ่นจารึกหินอ่อนเหล่านี้ไว้ (1 แผ่นต่อ 1 มณฑป) เรียงรายรอบพระเจดีย์มหาโลกมารชินที่จำลองแบบมาจากเจดีย์ชเวสิกองแห่งเมืองพุกามหนังสือกินเนสบุ๊คได้บันทึกไว้ว่า “หนังสือที่ใหญ่ที่สุดในโลก” จากนั้น นำท่านเดินทางสู่เขา ภูเขามัณฑะเลย์ Mandalay Hill ภูเขามัณฑะเลย์อัน(เชื่อว่า) ศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่กลางเมืองมัณฑะเลย์นั้นทุก ๆ เย็นบนยอดเขาแห่งนี้จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเพราะบนนี้ถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกและจุดชมวิวเมืองมัณฑะเลย์ชั้นดีเราจึงไม่ขอพลาดการขึ้นไปกินลมชมวิวบนนั้นด้วยประการทั้งปวงก่อนทางขึ้นเขามีรูปปั้นสิงห์สีขาวตัวใหญ่สไตล์พม่า 2 ตัวตั้งตระหง่านเป็นผู้เฝ้าทางขึ้นชาวพม่าเชื่อว่าเป็นสิงห์ศักดิ์สิทธิ์นิยมมากราบไหว้ขอพรโดยเฉพาะการขอลูกว่ากันว่าสัมฤทธิ์ผลมานักต่อนักสาว ๆ คนไหนที่แต่งงานแล้วยังไม่มีลูกหากมีโอกาสผ่านไปก็ลองไปขอกันได้ส่วนใครที่ยังไม่แต่งงานควรขอให้เจอเนื้อคู่ก่อนเป็นอย่างแรกแล้วจึงค่อยกลับมาขอลูกต่อในเสต็ปต่อไป วัดมัณฑะเลย์จอคตอคยี ซึ่งตั้งอยู่บนเชิงเขามัณฑะเลย์ฮิลล์พระพุทธรูปองค์นี้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของพม่ารองจากพระสร้างใหม่ในเมืองย่างกุ้งจากข้อมูลที่ได้รับพม่าเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติอยู่มากทั้งทองคำน้ำมันแร่ต่างๆรวมถึงอัญมณีจึงไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะหาศิลาอ่อนมาแกะสลักรูปเคารพตามความเชื่อด้านบนนั้นเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในมัณฑะเลย์สามารถมองเห็นแม่น้ำอิรวดีสายเลือดเส้นใหญ่ของพม่าได้ชัดเจนและจากจุดเดียวกันก็ยังเห็นความยิ่งใหญ่อลังการของพระราชวังมัณฑะเลย์ที่เคยรุ่งโรจน์มาแต่อดีตมีบริการลิฟท์ของที่นี่เพื่อเดินทางต่อขึ้นไปยังวิหารที่เป็นที่ตั้งของพระบรมธาตุอันบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูป ”ชเวยัตตอร์” ประทับยืน 2 องค์โดยพุทธลักษณะนั้นคล้ายกับกำลังชี้พระหัตถ์ไปยังพระราชวังกลางกรุงมัณฑะเลย์ซึ่งมีความหมายว่าที่นี่จะเป็นศูนยกลางของราชธานีต่อไปสำหรับภูเขามัณฑะเลย์มีความสูง 236 เมตรหากใครอยากเดินที่นี่มีบันได 7,292 ขั้นให้เดิน
คํ่า บริการอาหารคํ่าณภัตตาคาร พักที่ Shwe Phyu Hotel ณเมืองมัณฑะเลย์ (หรือเทียบเท่าระดับ 3 ดาว)
วันที่ห้า ร่วมพิธีล้างหน้าพระพักตร์พระมหามัยมุณี – กรุงเทพฯ
04.00 น. นำท่านนมัสการ พระมหามัยมุนีอันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด 1 ใน 5 แห่งของพม่า ถือเป็นต้นแบบพระพุทธรูปทองคำ ขนาดใหญ่ทรงเครื่องกษัตริย์ที่ได้รับการขนานนามว่า “พระพุทธรูปทองคำเนื้อนิ่ม” ที่พระเจ้ากรุงยะไข่ทรงหล่อขึ้นที่เมืองธรรมวดีเมื่อปีพ.ศ. 689 สูง 12 ฟุต 7 นิ้วหุ้มด้วยทองคำเปลวหนา 2 นิ้วทรงเครื่องประดับทองปางมารวิชัยหน้าตักกว้าง 9 ฟุตในปีพ.ศ. 2327 พระเจ้าปดุงได้สร้างวัดมหามุนีหรือวัดยะไข่ (วัดอาระกันหรือวัดพยาจี) เพื่อประดิษฐานพระมหามัยมุนีและในปีพ.ศ.2422 สมัยพระเจ้าสีปอก่อนจะเสียเมืองพม่าให้อังกฤษได้เกิดไฟไหม้วัดทองคำจึงทำให้ทองคำเปลวที่ปิดพระละลายเก็บเนื้อทองได้น้ำหนักถึง 700 บาทต่อมาในปีพ.ศ.2426 ชาวพม่าได้เรี่ยไรเงินเพื่อบูรณะวัดขึ้นใหม่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมโดยสายการออกแบบของช่างชาวอิตาลีจึงนับได้ว่าเป็นวัดที่สร้างใหม่ที่สุดแต่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ที่สุดในเมืองพม่าโดยรอบๆระเบียงเจดีย์ยังมีโบราณวัตถุที่นำไปจากกรุงศรีอยุธยาเมื่อครั้งกรุงแตกครั้งที่ 1 พร้อมทั้งเชิญทุกท่านร่วมทำบุญบูรณวัดกุสินาราซึ่งมีอายุหลายร้อยปีประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์สวยงามมากจากนั้นกลับโรงแรม
07.30 น. บริการอาหารเช้าณห้องอาหารโรงแรม
10.30 น. หลังอาหารเช้านำท่านเดินทางไปยัง สนามบินมัณฑะเลย์
12.50 น. - 15.15 น. ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบินแอร์เอเชีย โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจจากการเดินทางท่องเที่ยว
อัตราค่าบริการ (กรุ๊ปส่วนตัว10 ท่านขึ้นไป)
ลักษณะการเข้าพัก | ราคาต่อคน |
ผู้ใหญ่ 2 ท่าน พัก 1 ห้อง | 26,500 |
พักเดี๋ยวเพิ่ม | 7,500 |
อัตรานี้รวม
- ห้องพักในโรงแรม 4 คืน (พัก2 ท่าน/ห้อง)
- รถพร้อมคนขับนำเที่ยว
- ค่าเครื่องบินโดยสารภายในประเทศพม่า (ย่างกุ้ง-พุกาม-มัณฑะเลย์) พร้อมสัมภาระ
- ค่ามัคคุเทศก์พม่านำเที่ยว
- ค่ารถม้าชมเมืองพุกาม ค่ารถขึ้นพระธาตุอินทร์แขวน
- ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆในประเทศพม่า
- อาหาร 12 มื้อ
- ค่าประกันอุบัติเหตุคุ้มครองในวงเงินท่านละ1,000,000บาทตามเงื่อนไขกรมธรรม์
อัตรานี้ไม่รวม
- ค่าธรรมเนียมการจัดทำหนังสือเดินทาง
- ค่า ตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ– พม่า + ค่าภาษีสนามบิน
- ค่าห้องพักเดี่ยวตามอัตรา
- ค่าทำบุญตักบาตร
- ค่าธรรมเนียมการทำวีซ่ากรณีที่ลูกค้าเป็นพาสต่างชาติเช่นพาสปอร์ตเยอรมันพาสปอร์ตลาว พาสปอร์ตบรูไน พาสปอร์ต
เวียดนาม พาสปอร์ตฟิลิปปินส์ พาสปอร์ตอินโดนีเซีย เป็นต้น
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอาทิเช่น ค่าเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษ, ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, ค่าธรรมเนียมหนังสือเดินทาง, ค่ารักษา
พยาบาลกรณีเกิดการเจ็บป่วยจากโรคประจำตัว, ค่ากระเป๋าเดินทางหรือของมี ค่าที่สูญหายในระหว่างการเดินทาง เป็นต้น
- ค่านำเที่ยวในเส้นทางอื่น ๆ นอกเหนือจากโปรแกรม
- ค่าทิปพนักงานขับรถและมัคคุเทศก์ตลอดรายการเดินทาง
- ค่าบริการอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากโปรแกมทัวร์
- ค่าอาหารมื้อพิเศษ
- Vat 7%